วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

วันนี้ขอลงข่าวสำหรับพรุ่งนี้เร็วหน่อย

เพราะเดี๋ยวจะเขียนบทความเรื่อง Sealand กับเตรียมเรื่องให้สัมภาษณ์รายการ Smart Money ของน้องเฟิร์น ในรายการมันนี่แชนแนล พรุ่งนี้ บ่ายสามครึ่ง เกี่ยวกับเรื่องข้าวและเศรษฐกิจไทย ซึ่งค่อนข้างยากในการหาข้อมูลที่เชื่อถือได้

ใน GM News ข้างล่างนี้ ในส่วนของ Equity ได้นำมุมมองของโบรกเกอร์ไทย 4 แห่งมาลงไว้ ซึ่งเป็นมุมมองที่แตกต่างกันด้วยค่ะ

----------------------------------------------------------------------

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

15 ตุลาคม 2555

General News
------------------

• Guy Ryder ผู้อำนวยการองค์การแรงงานระหว่างประเทศ แถลงในเวทีการประชุมประจำปีของ World Bank และ IMF ว่า อัตราการว่างงานทั่วโลกในปัจจุบันยังสูงกว่าเมื่อครั้งวิกฤตการเงินในปี 2551 ถึง 30 ล้านคน และยังมีอีกเกือบ 40 ล้านคนที่เลิกคิดจะหางานทำแล้ว โดยในจำนวนคนว่างงานทั่วโลกกว่า 200 ล้านคนนั้นมีอายุต่ำกว่า 25 ปี มากถึง 1 ใน 3

นอกจากนี้ แม้ตลาดแรงงานทั่วโลกจะมีแรงงานเพิ่มขึ้น 40 ล้านคนต่อปี แต่กลุ่มคนที่มีงานทำ 900 ล้านคนกลับไม่สามารถหาเงินให้พอที่จะพ้นจากเส้นความยากจนที่วันละ 2 ดอลลาร์สหรัฐได้ และเมื่อมาตรการรัดเข็มขัดส่งผลกระทบมากกว่าที่เคยคาด จึงต้องเร่งทบทวนกรอบเวลาของการทำให้งบประมาณสมดุลโดยด่วนและขยายเวลาให้ยาวขึ้น

ถ้อยแถลงของเขาสอดคล้องกับที่ Christine Lagarde ผอ.IMF กล่าวในวันเดียวกัน แต่ Wolfgang Schauble รมต.คลังเยอรมนี ยืนยันว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตัดลดหนี้ลงเท่านั้น โดย เฉพาะกลุ่มประเทศยูโรโซน 17 ประเทศซึ่งมีระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP สูง ส่วนแรงต่อต้านที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติของโลกประชาธิปไตย

• Mario Draghi ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า เห็นสัญญาณเชิงบวกและมุมมองในแง่ลบต่อเศรษฐกิจยูโรโซนดีขึ้นกว่าเมื่อหลายเดือนก่อน เนื่องจากยูโรโซนมีเครื่องมือแก้ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจยุโรปที่มีประสิทธิภาพแล้ว และธนาคารในยูโรโซนสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตหนี้ กับมีความคืบหน้าในการจัดตั้งสหภาพธนาคารยุโรปซึ่งสำคัญมากที่จะต้องตกลงกันได้ในวันแรกของปีหน้า แต่กว่าจะทำได้จริงในทางปฏิบัติ คาดว่าต้องใช้เวลาอีกหนึ่งปีหรือมากกว่านั้น

• ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของฝรั่งเศสในเดือน ส.ค.แตะระดับ 4 พันล้านยูโร จาก 2.6 พันล้านยูโรในเดือน ก.ค. ส่วนยอดขาดดุลด้านสินค้าเดือน ส.ค.อยู่ที่ 5.7 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค.ที่ระดับ 4.3 พันล้านยูโร

• ผู้ว่าการธนาคารกลางอิตาลี เปิดเผยว่า โครงการรับซื้อพันธบัตรในยูโรโซนของอีซีบีส่งผลต่อตลาดแม้จะยังไม่ได้เริ่มทำจริง เพราะข่าวดังกล่าวได้คลายความกังวลในวิกฤตหนี้ของภูมิภาคได้บ้าง โดยเห็นได้จากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยในประเทศสมาชิกที่ลดลง

• สหรัฐเรียกร้องให้จีนกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและเดินหน้าใช้นโยบายเงินหยวนตามกลไกตลาด เนื่องจากการส่งเสริมความต้องการภายในประเทศให้แข็งแกร่งจะเป็นผลดีต่อจีนและเศรษฐกิจโลก และอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นจะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้าง โดยความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีนมีการพัฒนาไปในเชิงบวก จากตัวเลขการส่งออกของสหรัฐไปยังจีนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

• ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐเดือน ก.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น 4.7% เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2543 อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนี PPI จะสูงขึ้น แต่ภาวะเงินเฟ้อยังไม่ชัดเจนนัก และสหรัฐยังคงเผชิญกับภาวะซบเซาในตลาดแรงงาน

• Paul Krugman กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐมีมุมมองเชิงบวกเกินไปต่อเศรษฐกิจ โดยทีมงานของโอบามาไม่สามารถเล็งเห็นถึงสิ่งที่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจต่างยอมรับกันว่าวิกฤตการเงินที่รุนแรงได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวได้ รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐยังคงต้องการการใช้จ่ายของภาครัฐมาช่วยกระตุ้น

• IMF เปิดเผยว่า การขยายตัวของ GDP เอเชียในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกปี 2551 เป็นผลจากวิกฤตในยุโรปและปัญหาทางการคลังส่งผลกระทบไปยังช่องทางการค้า ขณะที่การฟื้นตัวในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วประสบภาวะทรุดตัว

ทั้งนี้ คาดว่า การขยายตัวจะค่อยๆ ดีขึ้นในอนาคต และเอเชียน่าจะยังคงเป็นผู้นำการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก โดยจะขยายตัวเร็วกว่าอัตราขยายตัวเฉลี่ยของโลกอยู่ 2%

• รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดการประเมินภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเป็นเดือนที่ 3 (เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ที่ลดการประเมินภาวะเศรษฐกิจ) เนื่องจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง รวมถึงยอดการส่งออกชะลอตัวลง พร้อมกับเตือนเรื่องความไม่แน่นอนที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นและจีน และวิกฤตหนี้ยูโร

• จีนมีแนวโน้มจะขาดดุลการท่องเที่ยวกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาน้อยลงจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยคาดว่าในปีนี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจีนจะลดลง 2.2% เหลือ 132 ล้านคน

• ยอดส่งออกของจีนเดือน ก.ย. เท่ากับ 1.8635 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9.9% เมื่อเทียบรายปี โดยเป็นผลมาจากการค้ากับสหรัฐ ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของจีนเพิ่มขึ้น 9.1% ขณะที่การค้ากับสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นลดลง

• รัฐบาลและธนาคารกลางเกาหลีใต้ คาดการณ์ว่า เกาหลีใต้ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย จะขยายตัว 2% ในปีหน้า โดยมีความกังวลมากขึ้นในเรื่อง ...

1. เศรษฐกิจเกาหลีใต้อาจเข้าสู่ช่วงที่มีอัตราการขยายตัวต่ำ
2. วิกฤตหนี้สินในยูโรโซนคงยังไม่คลี่คลายในเร็วๆ นี้
3. การปรับลดงบประมาณค่าใช้จ่ายลงและการเพิ่มภาษีในสหรัฐ

• GDP ไตรมาส 3 ของสิงคโปร์หดตัวลง 1.5% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ตรงตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะอยู่ในภาวะถดถอยทางเทคนิคซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจหดตัวลง โดยสิงคโปร์เคยเผชิญกับภาวะถดถอยดังกล่าวมาแล้วในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 อันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินโลก

อย่างไรก็ตาม ยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 1.5%-2.5% ในปีนี้

• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอินเดียเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้น 2.7% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ แม้การลงทุนจะหยุดชะงัก เนื่องจากมีแรงหนุนจากกิจกรรมในภาคธุรกิจเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้น

• สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดเผยว่า ในปีหน้าจะมีผู้ว่างงานที่จบปริญญาตรีเพิ่มขึ้น 1.6-1.7 แสนคน จากปัจจุบันที่มีบัณฑิตจบใหม่ตกงานประมาณ 1.45 แสนคน โดยการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำกับการขึ้นเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 1.5 หมื่นบาท จะทำให้นายจ้างไม่จ้างคนใหม่เพิ่ม ซึ่งจะส่งผลกระทบหนักต่อผู้จบปริญญาตรีในเดือน ก.พ.ปีหน้า

• กรมการค้าภายใน พบว่า ราคาผักสดช่วงเทศกาลกินเจสูงกว่าปกติ เนื่องจากแหล่งเพาะปลูกได้รับผลกระทบจากพายุฝนที่ตกต่อเนื่อง แต่คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1 สัปดาห์

• ธปท. จัดงานครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งในวันที่ 14 ต.ค.เวลา 20.00 น. ที่ ธปท. โดย Wolfgang Schauble รมต.คลังเยอรมนี จะแสดงปาฐกถาเรื่อง “Asia and Europe What we can learn from each other : Towards aneconomic policy model for the future”

Equity Market
-----------------

• SET Index ปิดที่ 1,296.98 จุด เพิ่มขึ้น 2.08 จุด หรือ 0.16% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34,581.45 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 455.85 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวก-ลบสลับกันตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย

• ไพบูลย์ นลินทรางกูร CEO บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่องไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพราะปัจจัยพื้นฐานยังดีอยู่ และมีสภาพคล่องในตลาดโลกจำนวนมากที่ต่างหาโอกาสเข้ามาลงทุนในเอเชียโดยเฉพาะในอาเซียน โดยตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจมากที่สุดในอาเซียนในสายตานักลงทุนต่างชาติ จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังไปได้ต่อ และอาจทำให้ดัชนีเป้าหมายในปีหน้าขึ้นไปถึง 1,450 จุด

• บล. กสิกรไทย คาดว่า หุ้นไทยระยะสั้นในสัปดาห์หน้ามีโอกาสปรับตัวขึ้น โดยต้องติดตามผลการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป ตัวเลขการส่งออก กับผลการประชุมนโยบายการเงินของ ธปท.

• บล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นไทยฟื้นเพื่อฟุบ จึงแนะนำให้ทยอยลดพอร์ตหุ้นที่อยู่ในข่ายปรับฐานแรงกว่าตลาด เพราะแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยจะขึ้นน้อยกว่าตลาดโลก หลังจากดีดขึ้นมามากถึง 26.3% ก่อนหน้านี้ และมีโอกาสทดสอบระดับแนวรับ 1,237 จุด ซึ่งมีนัยสำคัญ

ส่วน บล.ไทยพาณิชย์ มองว่า ข่าวดีมาถึงจุดสูงสุดแล้ว และยังคงเป้าหมายปีนี้ไว้ที่ 1,300 จุด แต่หากมีเงินต่างชาติไหลเข้ามามาก อาจจะหนุนให้ดัชนีขึ้นไปถึงระดับ 1,350 จุดได้ โดยคาดว่าหุ้นจะบวกต่อไปในเดือนนี้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโลกและกำไรบริษัทจดทะเบียน ส่วนเดือน พ.ย. จะผันผวน และเดือน ธ.ค. จะมีเม็ดเงินลงทุนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาวเข้ามาซื้อหุ้น และมองแนวโน้มในปีหน้าว่ามีความเสี่ยงขาลงในช่วงครึ่งปีแรก

Fixed Income Market
--------------------------

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่ในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.02% มูลค่าการซื้อขายรวม 80,269 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น